
บทนำ
การพัฒนาแอปพลิเคชันบน Cloud ช่วยให้ทีม Developer ทำงานได้รวดเร็วขึ้น แต่หากไม่วางแผนเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างรอบคอบ ระบบอาจกลายเป็น “หลุมงบประมาณ” ที่ขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว ดังนั้น Cost Optimization คือทักษะที่ Developer ต้องเข้าใจและนำมาใช้ตั้งแต่วันแรกของการออกแบบระบบ
Cost Optimization คืออะไร?
Cost Optimization หมายถึงแนวทางในการใช้ทรัพยากร Cloud ให้คุ้มค่าที่สุด โดยรักษาสมดุลระหว่าง ประสิทธิภาพ (Performance) และ ค่าใช้จ่าย (Cost) เพื่อให้ระบบสามารถทำงานได้ดีในต้นทุนต่ำที่สุดเท่าที่จำเป็น
- 💰 ใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็น (Right-sizing)
- ⚙️ ปรับการใช้งานแบบอัตโนมัติ (Auto Scaling)
- 🔄 ใช้ Pricing Model ให้เหมาะสม (On-demand, Reserved, Spot)
- 📈 Monitor ค่าใช้จ่ายแบบต่อเนื่อง

หลักการ 5 ข้อของ Cost Optimization บน AWS
- 1. Right Sizing – ใช้ขนาดทรัพยากรที่เหมาะสม ไม่มากเกินจำเป็น
- 2. Elasticity – ใช้ Auto Scaling เพื่อให้จ่ายเฉพาะตอนมีโหลด
- 3. Pricing Models – เลือกรูปแบบการจ่ายเงินให้เหมาะกับลักษณะงาน
- 4. Storage Optimization – จัดการข้อมูลให้อยู่ใน Tier ที่เหมาะสม
- 5. Monitor & Review – ติดตามการใช้งานและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
1. Right Sizing – ใช้ขนาดทรัพยากรให้เหมาะสม
หลายระบบเสียค่าใช้จ่ายเพราะใช้ Instance ขนาดใหญ่เกินความจำเป็น ควรเริ่มจากการวัดโหลดจริงด้วย CloudWatch แล้วปรับขนาดให้เหมาะกับการใช้งานจริง
aws cloudwatch get-metric-statistics \
--metric-name CPUUtilization \
--namespace AWS/EC2 \
--statistics Average \
--dimensions Name=InstanceId,Value=i-0123456789abcdef0 \
--start-time 2025-10-08T00:00:00Z \
--end-time 2025-10-08T23:59:59Z \
--period 300
2. Elasticity – ใช้ Auto Scaling ให้คุ้มค่า
การเปิดเครื่อง Server ตลอด 24 ชั่วโมงอาจสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น AWS มีฟีเจอร์ Auto Scaling ช่วยเพิ่มหรือลดจำนวน Instance อัตโนมัติตามโหลดจริง
aws autoscaling put-scaling-policy \
--auto-scaling-group-name myAppASG \
--policy-name ScaleOutPolicy \
--scaling-adjustment 2 \
--adjustment-type ChangeInCapacity
3. Pricing Models – เลือกแบบจ่ายเงินให้ถูกงาน
AWS มีโมเดลการคิดค่าบริการหลายแบบ เช่น:
- 💼 On-demand: จ่ายตามการใช้งานจริง
- 📅 Reserved Instance: จองล่วงหน้า 1–3 ปี ลดราคาถึง 70%
- 💡 Spot Instance: ใช้ทรัพยากรส่วนเกิน ราคาถูกสุด
ตัวอย่างคำสั่งดูราคาผ่าน CLI:
aws pricing get-products \
--service-code AmazonEC2 \
--filters Type=TERM_MATCH,Field=instanceType,Value=t3.micro

4. Storage Optimization – จัดการ Storage ให้คุ้มค่า
บริการ Storage เช่น S3 หรือ EBS มักเป็นต้นทุนที่ Developer มองข้าม ควรตั้งค่า Lifecycle Policy เพื่อย้ายข้อมูลเก่าที่ไม่ค่อยใช้งานไป Storage ที่ราคาถูกลง
{
"Rules": [
{
"ID": "MoveToGlacier",
"Prefix": "",
"Status": "Enabled",
"Transitions": [
{
"Days": 30,
"StorageClass": "GLACIER"
}
]
}
]
}
5. Monitor & Review – ติดตามและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
การควบคุมค่าใช้จ่ายจำเป็นต้องมีการ ติดตามแบบเรียลไทม์ AWS มีเครื่องมือที่ช่วยได้ เช่น Cost Explorer และ AWS Budgets
aws budgets create-budget \
--account-id 123456789012 \
--budget-name "DevTeamBudget" \
--budget-type COST \
--time-unit MONTHLY \
--budget-limit Amount=50,Unit=USD
การวิเคราะห์ Cost ด้วย CloudWatch และ Lambda
Developer สามารถสร้าง Lambda Function เพื่อวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายแบบอัตโนมัติ และแจ้งเตือนเมื่อเกินงบประมาณที่ตั้งไว้
// Lambda ตัวอย่างตรวจสอบ Cost รายวัน
import AWS from 'aws-sdk';
const ce = new AWS.CostExplorer();
export const handler = async () => {
const res = await ce.getCostAndUsage({
TimePeriod: { Start: '2025-10-01', End: '2025-10-08' },
Granularity: 'DAILY',
Metrics: ['BlendedCost']
}).promise();
const total = res.ResultsByTime.reduce((sum, d) =>
sum + parseFloat(d.Total.BlendedCost.Amount), 0);
console.log(`ค่าใช้จ่ายรวม: $${total.toFixed(2)}`);
};
การจัดการ Cost สำหรับ Serverless
ระบบแบบ Serverless เช่น Lambda หรือ API Gateway ควรตรวจสอบ Metrics อย่าง Duration และ Invocation Count เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรันบ่อยเกินจำเป็น
- ⚙️ รวม Function ที่ทำงานใกล้เคียงกัน
- 📉 ใช้ Provisioned Concurrency เฉพาะจุดที่จำเป็น
- 🧾 ใช้ CloudWatch Logs Filter เพื่อติดตาม Error ที่สิ้นเปลือง
Cost Optimization สำหรับ Developer Team
นอกจากการ Optimize ทางเทคนิคแล้ว Developer ยังควรร่วมมือกับทีม FinOps เพื่อจัดการงบประมาณอย่างมีระบบ:
- 👩💻 ตั้ง Budget ต่อโปรเจค
- 📊 ทำรายงาน Usage รายสัปดาห์
- 📅 ใช้ Tag เพื่อติดตามค่าใช้จ่ายต่อ Environment (Dev/Test/Prod)
- 🧩 ปิดทรัพยากรอัตโนมัติในเวลานอกทำการ
Best Practices สรุปสำหรับ Developer
- ✅ Monitor Cost ทุกวันผ่าน AWS Cost Explorer
- ✅ ใช้ CloudWatch Alarm แจ้งเตือนค่าใช้จ่ายสูง
- ✅ ใช้ Spot Instance สำหรับงานระยะสั้น
- ✅ ตั้ง Lifecycle Policy ให้ Storage อัตโนมัติ
- ✅ ปรับ Instance Type ตาม Usage
- ✅ ทำ FinOps Review ทุกเดือน
สรุป
การทำ Cost Optimization ไม่ใช่แค่เรื่องของฝ่ายการเงิน แต่เป็นหน้าที่ของ Developer ด้วย เพราะทุกโค้ดที่เขียนและทุก Instance ที่เปิด ล้วนส่งผลต่อค่าใช้จ่ายขององค์กร เมื่อ Developer เข้าใจต้นทุนของแต่ละบริการและใช้ทรัพยากรอย่างชาญฉลาด ระบบก็จะทั้ง เสถียร ปลอดภัย และคุ้มค่า ไปพร้อมกัน
เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ — ตรวจสอบ Usage ของคุณ, ตั้ง Budget, และ Optimize ทรัพยากรให้เหมาะกับงาน แล้วคุณจะเห็นค่าใช้จ่ายลดลงทันที 🚀
📘 บทความโดย King Pool
ภาพประกอบ: AWS Cost Explorer, Auto Scaling, Storage Optimization, FinOps
อ่านต่อ: การใช้ Parameter Store และ Secrets Manager อย่างปลอดภัย